สมัยราชวังศ์ซ่งซึ่งเล่าขานกันว่าเป็นตำราลับที่ลูกหลานของหว้าถัว (ปรมาจารย์ด้านสมุนไพรจีน) ที่มีนามว่า “หว้าหง” ได้นำมาถวาย
ให้กับฮ่องเต้เพื่อบำรุงไตและบำรุงสุขภาพเพื่อช่วยให้อายุยืน จนได้รับความนิยมและชื่นชอบในหมู่สมาชิกของราชวงศ์และขุนนางต่าง ๆ
เป็นอันมาก สู่วันเวลาของศตวรรษที่ 21 เมื่อมีแพทย์จีนที่ชื่อ “หวังลื่อชัง” ได้ตำรานี้มา และได้ถือตำรานี้เดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงเมืองเยียนไถ
เพื่อทำการผลิตยาและทำให้ “ยาจื้อเป่าซานเปียนหวัน” เป็นที่รู้จักและเลื่องลือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยตั้งแต่ปี ค.ศ.1959
ก็ได้เริ่มมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นี้ไปยังต่างประเทศ มีการวางจำหน่ายในกว่า 10 ประเทศ จนยานี้ได้ถูกขนานนามให้เป็น 1 ใน 4
ตัวยาสำเร็จรูปสำคัญของจีน และเป็น “กล่องสีแดงน้อยมหัศจรรย์”จากประเทศจีน
จากจุดกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีนด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานมากว่า
800 ปี ของการเป็นยาที่แพร่หลายในวังสมัยราชวังศ์ซ่ซึ่งเล่าขานกันว่าเป็นตำราลับ
ที่ลูกหลานของหว้าถัว ( ปรมาจารย์ด้านสมุนไพรจีน ) ที่มีนามว่า “หว้าหง”
ได้นำมาถวายให้กับฮ่องเต้เพื่อบำรุงไตและบำรุงสุขภาพเพื่อช่วยให้อายุยืนจนได้รับ
ความนิยม และชื่นชอบในหมู่สมาชิกของราชวงศ์ และขุนนางต่าง ๆ เป็นอันมาก
สู่วันเวลาของศตวรรษที่ 21 เมื่อมีแพทย์จีนที่ชื่อ “หวังลื่อชัง” ได้ตำรานี้มา และ
ได้ถือตำรานี้เดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงเมืองเยียนไถเพื่อทำการผลิตยา และทำให้
“ยาจื้อเป่าซานเปียนหวัน” เป็นที่รู้จัก และเลื่องลือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1959 ก็ได้เริ่มมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นี้ไปยังต่างประเทศ มีการวางจำหน่าย
ในกว่า 10 ประเทศ จนยานี้ได้ถูกขนานนามให้เป็น 1 ใน 4 ยาสำเร็จรูปสำคัญ
ของจีนและเป็น “กล่องสีแดงน้อยมหัศจรรย์” จากประเทศจีน